เสริมจมูก - The East Clinic

เสริมจมูก

รวมเทคนิคเสริมจมูกที่ The East Clinic

  • Close
  • Semi Open
  • Endonasal Reconstruction
  • Open Reconstruction

การมาเสริมจมูกที่ The East Clinic สิ่งสำคัญ คือ ผลลัพธ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลให้ปลอดภัยทางการแพทย์เป็นหลัก โดยคุณหมอพิชญ์จะมีความใส่ใจเรื่องการปรึกษาพร้อมออกแบบทรง เนื่องจากความสวยและความชอบแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันและยังมีการดำเนินการศัลยกรรมในห้องผ่าตัดที่สะอาด อีกทั้งยังต้องมีการเช็คทรงหลังทำทันทีจึงทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่าการมาทำศัลยกรรมที่ The East Clinic  นั้นจะได้ทั้งความสวยและการดูแลให้ความปลอดภัย

The East Clinic นพ.พิชญ์ โพธา มีความเต็มใจ ใส่ใจรายละเอียด พร้อมทั้งบริการติดตามหลังการรักษา จึงทำให้คนไข้แนะนำกันปากต่อปาก

การเสริมจมูก คืออะไร ?

การเสริมจมูก ทำจมูก หรือศัลยกรรมจมูก เป็นการทำศัลยกรรมที่รับได้รับความนิยมอันดับต้นๆของคนเอเชียเพื่อปรับให้ใบหน้าดูมีมิติ เนื่องจากจมูกจะเป็นอวัยวะที่อยู่จุดกึ่งกลางของใบหน้าจึงมักจะเป็นจุดสังเกตุแรกที่คนส่วนใหญ่ที่มักสังเกตเห็น ซึ่งการเสริมจมูกในปัจจุบันจะมีหลายวิธี อีกทั้งยังสามารถใช้วัสดุที่หลากหลายสำหรับการเสริมจมูก โดยวัสดุที่นิยมนำมาเสริมมากที่สุดคือ ซิลิโคน วิธีนี้มักได้รับความนิยมเพราะซิลิโคนสามารถปรับขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ ซิลิโคนที่ทางคลีนิกเลือกใช้จะใช้ซิลิโคนเกรดสำหรับปลูกฝังในร่างกาย (Implant grade) มีความบริสุทธิ์สูงกว่าซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ (Medical grade) จะช่วยลดโอกาสอักเสบ การแพ้ หรือโอกาสการเกิดมะเร็งในอนาคต (Noncarcinogen) ได้เป็นอย่างดี  

สำหรับเทคนิคที่คลินิกเลือกใช้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  1. เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Close และ เทคนิค Semi Open Rhinoplasty
  2. เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Endonasal Reconstruction และ Open Reconstruction Rhinoplasty 

เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง

1. เทคนิคแบบปิด Close Rhinoplasty คือ

การเสริมจมูกโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของจมูก โดยจะมีการเปิดแผลภายในรูจมูก 1 ข้าง ซึ่งการเปิดแผลของดิอีสท์คลินิกนี้จะ เปิดแผลแบบ Marginal incision คือลงแผลเลยริมรูจมูกเข้าไป 1-2 mm. เพื่อป้องกันการกรีดโดนกระดูกอ่อนปลายจมูก Lower lateral cartilage อันจะทำให้จมูกผิดรูปได้ อีกทั้งยังสามารถเย็บแผลปิดโดยไม่มีไหมเย็บเลยออกมานอกจมูกเพื่อป้องกันแผลเป็นจากการเย็บและการเกิด เนื้อจมูกแหว่งจากการขาดเลือด โดยเฉพาะบริเวณที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง น้อยซึ่งก็คือบริเวณปลายจมูก ที่เป็นผิวบริเวณเหนือจุดสูงสุดของรูจมูก (soft triangle) จนมีตำราแพทย์หลายเล่มจะเรียกบริเวณดังกว่าว่า No man land หรือบริเวณนี้ห้ามไปเย็บเพราะจะทำให้รูจมูกผิดรูปได้

2. เทคนิคแบบกึ่งเปิด Semi-Open Rhinoplasty คือ

การเสริมจมูกที่มีการปรับโครงสร้างภายในบางส่วน โดยจะทำการเปิด แผลรูจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้เห็นโครงสร้างของจมูกได้มากกว่าเสริมจมูกแบบปิด จุดเด่นของเสริมจมูกเทคนิคนี้สามารถเลาะไขมันบริเวณปลายจมูกและ เย็บอินเตอร์โดมได้มากกว่า ทำให้ปลายจมูกเล็กเรียว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกใหญ่ จมูกชมพู่ ต้องการปลายจมูกเรียวสวย และพุ่งขึ้น

โดยทั้ง 2 เทคนิคนี้อาจมีการนำไขมันปลายจมูกออก (Interdomal fat) การเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูกเข้าหากัน (Interdomal suture) การตอกกระดูกฐานจมูก (Lateral osteotomy) การเสริมเนื้อเยื่อเทียม (Acellular dermal matrix ADM) เนื้อเยื่อไขมัน (Dermofat) หรือกระดูกอ่อนรองปลาย (Catilagenous graft) เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ

Close VS Semi-Open แตกต่างยังไง?

เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีพื้นฐานจมูกดี แต่ต้องการเพิ่มความโด่ง ใช้ยาชาในการผ่าตัด

เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง (การเสริมจมูกแบบปลายไร้ซิลิโคน)

3. เทคนิค Endonasal Reconstruction คือ

เทคนิค Endonasal การเสริมจมูกโดยเทคนิค  nose extension เสริมจมูกปลายไร้ซิลิโคน

เป็นการเสริมจมูกแบบ “ปลายไร้ซิลิโคน“ โดยใช้ซิลิโคนเพียง 2 ใน 3 ของจมูก ในการเพิ่มความสูงของสันจมูกให้โด่งขึ้น ส่วนบริเวณปลายจมูกจะมีการ ยืดปลายจมูก และเพิ่มความยาว ความสูงปลายจมูกโดยใช้ กระดูกอ่อนใบหูพร้อมเนื่อเยื่อหลังใบหู วิธีนี้จะทำให้ปลายจมูกพุ่ง เรียวเล็ก ลดปัญหาซิลิโคนกดทับปลายจมูก หรือซิลิโคนทะลุปลายจมูก

4. เทคนิคแบบเปิด Open Reconstruction

การเสริมจมูกแบบเปิด Open Recon (Open Reconstruction Rhinoplasty) คือ การเปิดโครงสร้างของจมูกใต้ผิวหนังทั้งหมดขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ซ่อมแซม (Reconstruction) ส่วนที่ได้รับ ความเสียหาย ยืดปลายจมูก (Tip projection) ยืดผนังกั้นจมูก ( Septal extension) แก้ไขจมูกที่เบี้ยวเอียง (Deviation) เป็นต้น โดยจะมีการเปิดแผล ภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้างและเปิดแผลบริเวณระหว่างรูจมูก2ข้าง (Columella) เพื่อเปิดโครงสร้างภายในขึ้นมา สำหรับการยืดผนังกั้นจมูกจะใช้วัสดุต่าง ๆ ได้แก่ กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของตัวเอง เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนเทียม เป็นต้น

เทคนิค Open Recon เหมาะกับใคร?

การเสริมจมูกแบบเปิด แนะนำสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกสั้น (Short nose) จมูกชมพู่ (Bulbous tip) จมูกเบี้ยวเอียง (Deviation) แก้มาหลายครั้ง (Multiple revision) หรือชอบจมูกที่ค่อนข้างพุ่ง (Patient favor) เป็นต้น
ซึ่งการจะเลือกเสริมวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ว่า ต้องการทรงจมูกแบบใด ฐานจมูกเดิมและเนื้อจมูกเป็นอย่างไร รวมทั้งพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย ของแต่ละวิธี รวมถึงโรคประจำตัวของผู้ป่วย และระยะเวลาพักฟื้นของผู้ป่วยเป็นสำคัญ 

เปรียบเทียบ 4 เทคนิค แบบไหนเหมาะกับคุณ?

ซิลิโคน ที่ The EAST Clinic เลือกใช้​

  • ซิลิโคนทำมาจากพอลิเมอร์  Dimethysiloxane polymer ซึ่งซิลิโคนจะมีหลายเกรดขึ้นอยู่กับส่วนผสมในกระบวนการผลิต โดยสารที่ใช้ในการคงรูปซิลิโคน หรือส่วนผสมที่ต่างกัน จะทำให้คุณภาพของซิลิโคนต่างกัน โดยดิอีสท์คลินิก จะใช้ซิลิโคนเกรดสำหรับปลูกฝังในร่างกาย (Implant grade) มีความบริสุทธิ์สูงกว่าซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ (Medical grade) สามารถอยู่ในร่างกายได้ในระยะยาว
  • ซึ่งซิลิโคนที่ดิอีสท์คลินิกเลือกใช้จะเป็น Implant grade ซิลิโคนที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดโอกาสการอักเสบ การแพ้ หรือโอกาสการเกิดมะเร็งในอนาคต (Noncarcinogen) ได้เป็นอย่างดี อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อของซิลิโคน (Adhesion) วัสดุที่ดีต้องยึดเกาะกับโครงสร้างของร่างกายได้ดีและมีความยืดหยุ่น (Elasticity) 
  • นอกจากนี้ เรายังสามารถกำหนดค่าความนิ่มของซิลิโคนได้อีกด้วย ซึ่งค่าความนิ่มที่เหมาะสมในการเสริมจมูกอยู่ที่ 30-50 ดูโร (Durometer) หากซิลิโคนแข็งเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการทะลุได้มากกว่า หรือซิลิโคนที่นิ่มเกินไปเมื่อนำใช้จะคงรูปทรงได้ไม่ดี ทำให้ไม่ได้ทรงที่ต้องการ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. เจ็บไหม?

เจ็บเฉพาะเวลาฉีดยาชา โดยคุณหมอจะทำการบล็อกการทำงานของเส้นประสาทบริเวณหน้าแก้มก่อนฉีดยาชาบริเวณปลายจมูก (ปลายจมูกเป็นจุดที่sensitive ต่อความเจ็บมากที่สุดของจมูก)  จึงทำให้คนไข้มีความเจ็บที่ลดลง

2. หลังศัลยกรรมดูแลยากไหม

คนไข้สามารถดูแลแผลได้เอง โดยทางคลินิกจะให้คำแนะนำ ดูแลก่อนและหลังผ่าตัดดูแลง่ายซึ่งคนไข้สามารถดูแลแผลได้เอง โดแพทย์จะให้คำแนะนำ ดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด พร้อมทั้งเอกสารการประกอบดูแลหลังผ่าตัด และจะมีนัดตัดไหมพร้อมตรวจเช็คอาการหลังศัลยกรรมประมาณ 14 วัน หากมีเรื่องสงสัยเร่งด่วน คนไข้สามารถติดต่อสอบถามแพทย์และผู้ดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลินิกพร้อมบริการตอบทุกข้อสงสัยเพื่อคลายความกังวลใจให้คนไข้ค่ะ

3. กินอะไรได้บ้าง

หลังเสริมจมูก สามาถทานได้เกือบปกติค่ะ สิ่งที่งดคือ อาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด อาหารรสเผ็ด แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือนค่ะ

4. บวมช้ำมากไหม บวมกี่วัน

การบวมขึ้นกับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปช่วง 1-3 วันแรกจะบวมที่สุด แนะนำประคบเย็นตลอดเวลา ซึ่งอาการบวมช้ำลดลง แต่การทำจมูกโดยปกติอาการบวมต่างๆ  จะลดลงตามลำดับ มีการติดตามอาการดูแลหลังทำต่อเนื่อง เพื่อให้คนไข้สามารถปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ได้อย่างถูกต้อง

5. ประกันอะไรบ้าง

ทางคลีนิกรับประกันกรณี เบี้ยว เอียง ทะลุ อักเสบ หลังทำศัลยกรรม 6 เดือน-1 ปีค่ะ

6. เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

หากคนไข้ไม่มีโรคประจำตัว แนะนำงดวิตามินทุกประเภทก่อนทำการผ่าตัดประมาณ 7-14 วัน

7. สามารถประเมินทรงทางไหนได้บ้าง

ในเบื้องต้นสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแอดมินค่ะ หากต้องการปรึกษาคุณหมอสามารถส่งรูปถ่ายปัจจุบันและสไตล์จมูกที่อยากได้เพื่อปรึกษากับคุณหมอ หรือกรณีต้องการเข้ารับการปรึกษาโดยตรงที่คลินิกก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยสามารถนัดหมายคุณหมอผ่านแอดมินได้เลยค่ะ

เทคนิคอื่นๆเพิ่มเติม ในการตกแต่งจมูก
เพื่อให้ดูเรียวสวยรับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น

การเอาไขมันปลายจมูกออก การแต่งปลาย

ไขมันปลายจมูก Supratip fat , Interdomal fat ที่มีมากเกินไปจะทำให้ปลายจมูกค่อนข้างอ้วน จมูกกลม จมูกชมพู่ ซึ่งพบมากในคนไทยและเอเชีย สามารถแก้ไขได้โดยการนำไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อทำให้ได้ปลายจมูกเล็ก เรียว และสวยงามขึ้น

การเย็บ Interdome

สำหรับบางท่านอาจมีปัญหากระดูกอ่อนปลายจมูกใหญ่ กาง หรืออยู่ห่างกัน ทำให้ปลายจมูกโตและใหญ่ การเย็บอินเตอร์โดม เป็นการเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูก (Interdomal Sutering Technique) ใช้สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้จมูกเล็กลงและสวยงามมากขึ้น

การตะไบฮัมพ์ Hump rasping

รอยเชื่อมของกระดูกสันจมูกและกระดูกอ่อนปลายจมูก (Osteocatilagenous junction/ Nasal hump) หากมีมากเกินไปจะใช้วิธีการตะไบในการเหลารอยเชื่อมดังกล่าวให้เรียบเนียนขึ้นเพื่อให้ได้
สันจมูกที่เป็นสโลปสวย หรือกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) และสามารถตะไบด้านข้างจมูกให้ดูเรียวเล็กลงได้เล็กน้อย

การตอกฐานจมูก (Lateral osteotomy)

เหมาะกับกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) , ฐานจมูกเอียงหรือคด (Nasal deviation) สามารถตอกฐานจมูกเพื่อให้มีสันจมูกที่เล็ก เรียว เด่นชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการเบี้ยวของฐานจมูก ให้กลับมาตรงขึ้น

The East Clinic มีการรองปลายกี่แบบ ?
มีทั้งหมด 4 แบบ

เนื้อเยื่อเทียม คืออะไร ใช้ส่วนไหน ทำมาจากอะไร เนื้อเยื่อเทียม มีประโยชน์อย่างไร

  • ทำให้ปลายจมูกโด่งสวยขึ้น (Increase tip projection)
  • ลดโอกาสการเห็นขอบซิลิโคนในเคสผิวบาง (Thin skin)
  • เคสแก้จมูกที่ผิวปลายจมูกบาง
  • แก้ไขปลายจมูกสั้นหรือเหิน (Short nose)
  • เสริมบริเวณสันจมูกสำหรับเคสเนื้อน้อย
  • เนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้ทดแทนการรองปลายจมูกโดยไม่จำเป็น ต้องผ่าตัด 2 ที่
  • ลดโอกาสปลายทะลุ

เนื้อเยื่อตนเอง ได้แก่

 

  • เสริมจมูกรองปลายกระดูกอ่อนหลังหู (ear cartilage)
    กระดูกอ่อนที่ใช้ในการเสริมจมูกสามารถนำมาจากหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นผนังกั้นจมูก (Septal cartilage) ซี่โครง (costal cartilage) หรือกระดูกอ่อนหู (ear cartilage) ซึ่งปกติจะผ่าตัดกันโดยรอยแผลอยู่ทางด้านหลังหู (Postauricular approach) เพื่ออำพรางรอยแผลจากการผ่าตัด นิยมนำมาใช้เพิ่มปลายจมูก หรือนำมาใช้ยืดผนังกั้นจมูกและฐานจมูกได้
  • เสริมจมูกรองปลายเนื้อเยื่อไขมันก้นกบ (Dermofat graft)
    การทำ Dermofat graft ส่วนที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากทำได้ง่าย (easy to harvest) และมีปริมาณไขมันมาก ประกอบไปด้วยชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) สามารถนำมาใช้ทำสันจมูก เพิ่มปลายจมูก หรือรองปลายจมูกในเคสที่ผิวบางได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีคุณสมบัติลดการอักเสบได้ดีอีกด้วย
  • เสริมจมูกรองปลายเนื้อเยื่อหลังหู (mastoid fascia)
    เนื้อเยื่อหลังหูประกอบไปด้วยชั้นไขมัน และแผ่นพังผืดสามารถนำมาใช้เพื่อรองปลายเพื่อลดการเห็นขอบของซิลิโคน หรือขอบของกระดูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถใช้เพิ่มความยาวปลายจมูกให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

ผนังกั้นจมูก การยืดผนังกั้นจมูก (Septal cartilage and septal extension)

ผนังกั้นจมูกหรือ septum cartilage เป็นกระดูกอ่อนแกนกลางของจมูกช่วยค้ำยันจมูกให้คงรูปร่าง เป็นกระดูกอ่อน ชนิดที่ค่อนข้างแข็ง (Hyaline cartilage) ปัจจุบันนิยมนำมาใช้เป็นโครงสร้าง สำหรับยืดปลายจมูกในการทำศัลยกรรมจมูกแบบเปิด โดยจะมีการต่อความยาว ของผนังกั้นจมูกออกไปเพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูกได้อีกด้วยซึ่งเรียกว่าการยืดผนังกั้นจมูก

ตัดปีกจมูก (alar excision) มีกี่แบบ ทำได้แบบไหน เคสแบบไหนถึงเหมาะกับการตัดปีก

การตัดปีกจมูกนั้นมีหลายแบบเช่น การตัดแผลนอก (weir alar excision) เพื่อลดความบานของปีกจมูก การตัดแผลในเพื่อลดความกว้างของฐานรูจมูก (alar base reduction) การตัดยกปีกจมูก (Sail excision) และการตัดลดความหนาของปีกจมูก (Alar rim excision) การจะเลือกการตัดแบบไหนนั้นควรคำนึงถึงลักษณะของจมูกของผู้ป่วย แต่ละรายเป็นสำคัญรวมถึงการให้ข้อมูลเรื่องโอกาสการเกิดแผลเป็นหลังการ ผ่าตัดสำหรับแต่ละวิธีอีกด้วย

คำแนะนำการดูแลหลังศัลยกรรมจมูก

รีวิวเสริมจมูก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save