เสริมจมูก - The East Clinic

เสริมจมูก

รวมเทคนิคเสริมจมูกที่ The East Clinic
By.หมอพิชญ์ (นพ.พิชญ์ โพธา)

  • Close
  • Semi Open
  • Endonasal Reconstruction
  • Open Reconstruction

การมาเสริมจมูกที่ The East Clinic สิ่งสำคัญสูงสุดคือ ผลลัพธ์ที่อยู่ภายใต้ความปลอดภัยทางการแพทย์เป็นหลัก โดยคุณหมอพิชญ์ ได้ผ่านประสบการณ์การทำศัลยกรรมความงามมากกว่า 20,000 เคส อยู่ในวงการศัลยกรรมความงามมากกว่า 10 ปี พร้อมทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่ผ่านการอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่าการมาทำศัลยกรรมที่ The East Clinic นั้นจะได้ทั้งความสวยและความปลอดภัยกลับไปอย่างแน่นอน 

The East Clinic By หมอพิชญ์ (นพ.พิชญ์ โพธา) ที่มีคนถามถึงด้วยเทคนิคพิเศษของหมอพิชญ์ และความใส่ใจในลายละเอียดปราณีตในทุกขั้นตอน ทำให้ได้รับการยอมรับจากคนไข้จนเกิดกระแสบอกต่อปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

เทคนิค SSL (Structural smart lock)

เทคนิค Structural smart lock (SSL) เป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอพิชญ์ คือ การเหลาปรับซิลิโคนตามลักษณะโครงสร้างของฐานจมูกแต่ละบุคคล ทั้งบริเวณกระดูก nasal bone และกระดูกอ่อน Upper lateral cartilage (ULC) และ Alar cartilage หรือ Lower lateral cartilage (LLC) เพื่อให้ซิลิโคนล็อคไว้กับฐานจมูกเดิมด่านล่าง (Infrastructure) อย่างแนบสนิท ซิลิโคนแต่ละชิ้นจะเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงเป็นซิลิโคนที่มีอันเดียวเฉพาะของบุคคลนั้นๆ โดยจะต้องครอบรับกับฐานจมูกเดิมได้ 100% เพื่อป้องกันการเบี้ยวเอียง การเคลื่อนที่ของซิลิโคน ได้สโลปเนียนสวยตามความต้องการองคนไข้

สำหรับเทคนิคที่คลินิกเลือกใช้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  1. เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Close และ เทคนิค Semi Open Rhinoplasty
  2. เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Endonasal Reconstruction และ Open Reconstruction Rhinoplasty 

เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง (การเสริมจมูกแบบรองปลาย)

1. เทคนิคแบบปิด Close Rhinoplasty คือ

การเสริมจมูกโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของจมูก โดยจะมีการเปิดแผลภายในรูจมูก 1 ข้าง การเปิดแผลของดิอีสท์คลินิกนี้จะ เปิดแผลแบบ Marginal incision คือลงแผลเลยริมรูจมูกเข้าไป 1-2 mm. เพื่อป้องกันการกรีดโดนกระดูกอ่อนปลายจมูก Lower lateral cartilage ซึ่งจะทำให้จมูกผิดรูปได้และยังสามารถเย็บแผลปิดโดยไม่มีไหมเย็บ เลยออกมา นอกจมูกเพื่อป้องกันแผลเป็นจากการเย็บและการเกิด เนื้อจมูกแหว่งจาก การขาดเลือด โดยเฉพาะบริเวณที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง น้อยของปลายจมูก คือผิวบริเวณเหนือจุดสูงสุดของรูจมูก (soft triangle) จนมีตำราแพทย์หลายเล่มจะเรียกบริเวณดังกว่าว่า No man land คือบริเวณนี้ห้ามไปเย็บเพราะจะผิดรูปได้

2. เทคนิคแบบกึ่งเปิด Semi-Open Rhinoplasty คือ

การเสริมจมูกที่มีการปรับโครงสร้างภายในบางส่วน โดยจะทำการเปิด แผลรูจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้เห็นโครงสร้างของจมูกได้มากกว่า เสริมจมูกแบบปิด จุดเด่นของเสริมจมูกเทคนิคนี้สามารถเลาะไขมัน บริเวณปลายจมูกและ เย็บอินเตอร์โดม ทำให้ปลายจมูกเล็กเรียว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกใหญ่ จมูกชมพู่ ต้องการปลายจมูกเรียวสวย และพุ่งขึ้น

โดยทั้ง 2 เทคนิคนี้อาจมีการนำไขมันปลายจมูกออก (Interdomal fat) การเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูกเข้าหากัน (Interdomal suture) การตอกกระดูกฐานจมูก (Lateral osteotomy) การเสริมเนื้อเยื่อเทียม (Acellular dermal matrix ADM) เนื้อเยื่อไขมัน (Dermofat) หรือกระดูกอ่อนรองปลาย (Catilagenous graft) เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ

Close VS Semi-Open แตกต่างยังไง?

เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีพื้นฐานจมูกดี แต่ต้องการเพิ่มความโด่ง ใช้ยาชาในการผ่าตัด

เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง (การเสริมจมูกแบบปลายไร้ซิลิโคน)

3. เทคนิค Endonasal Reconstruction คือ

เทคนิค Endonasal การเสริมจมูกโดยเทคนิค safe nose extension เสริมจมูกปลายไร้ซิลิโคนอย่างปลอดภัย

เป็นการเสริมจมูกแบบ ‘ปลายไร้ซิลิโคน’ โดยใช้ซิลิโคนเพียง 2 ใน 3 ของความยาวจมูก ในการเพิ่มความสูงของสันจมูกให้โด่งขึ้น ส่วนในบริเวณปลายจมูกจะมีการยืดผนังกั้นจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูพร้อมเนื้อเยื่อหลังหูมาเพิ่มความยาวปลายจมูก วิธีนี้จะทำให้ปลายจมูกเรียว เล็ก และพุ่งมากขึ้น หมดปัญหาเรื่องซิลิโคนกดทับ หรือซิลิโคนทะลุ ใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2  วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยเทคนิคนี้จะบวมช้ำน้อยและแผลหายไว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ….

4. เทคนิคแบบเปิด Open Reconstruction

การเสริมจมูกแบบเปิด Open Recon (Open Reconstruction Rhinoplasty) คือ การเปิดโครงสร้างของจมูกใต้ผิวหนังทั้งหมดขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ซ่อมแซม (Reconstruction) ส่วนที่ได้รับ ความเสียหาย ยืดปลายจมูก (Tip projection) ยืดผนังกั้นจมูก ( Septal extension) แก้ไขจมูกที่เบี้ยวเอียง (Deviation) เป็นต้น โดยจะมีการเปิดแผล ภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้างและเปิดแผลบริเวณระหว่างรูจมูก2ข้าง (Columella) เพื่อเปิดโครงสร้างภายในขึ้นมา สำหรับการยืดผนังกั้นจมูกจะใช้วัสดุต่าง ๆ ได้แก่ กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของตัวเอง เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนเทียม เป็นต้น

เทคนิค Open Recon เหมาะกับใคร?

การเสริมจมูกแบบเปิด แนะนำสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกสั้น (Short nose) จมูกชมพู่ (Bulbous tip) จมูกเบี้ยวเอียง (Deviation) แก้มาหลายครั้ง (Multiple revision) หรือชอบจมูกที่ค่อนข้างพุ่ง (Patient favor) เป็นต้น
ซึ่งการจะเลือกเสริมวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ว่า ต้องการทรงจมูกแบบใด ฐานจมูกเดิมและเนื้อจมูกเป็นอย่างไร รวมทั้งพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย ของแต่ละวิธี รวมถึงโรคประจำตัวของผู้ป่วย และระยะเวลาพักฟื้นของผู้ป่วยเป็นสำคัญ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ …

เปรียบเทียบ 4 เทคนิค แบบไหนเหมาะกับคุณ?

ซิลิโคน ที่ The EAST Clinic เลือกใช้​

  • ซิลิโคนทำมาจากพอลิเมอร์  Dimethysiloxane polymer ซึ่งซิลิโคนจะมีหลายเกรดขึ้นอยู่กับส่วนผสมในกระบวนการผลิต โดยสารที่ใช้ในการคงรูปซิลิโคน หรือส่วนผสมที่ต่างกัน จะทำให้คุณภาพของซิลิโคนต่างกัน โดยดิอีสท์คลินิก จะใช้ซิลิโคนเกรดสำหรับปลูกฝังในร่างกาย (Implant grade) มีความบริสุทธิ์สูงกว่าซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ (Medical grade) สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต

  • ซิลิโคนที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดโอกาสอักเสบ การแพ้ หรือโอกาสการเกิดมะเร็งในอนาคต (Noncarcinogen) ได้เป็นอย่างดี อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อของซิลิโคน (Adhesion) วัสดุที่ดีต้องยึดเกาะกับโครงสร้างของร่างกายได้ดีและมีความยืดหยุ่น (Elasticity)  ซึ่งเป็นซิลิโคนที่ดิอีสท์คลินิกเลือกใช้

  • นอกจากนี้ เรายังสามารถกำหนดค่าความนิ่มของซิลิโคนได้อีกด้วย ซึ่งค่าความนิ่มที่เหมาะสมในการเสริมจมูกอยู่ที่ 30-50 ดูโร (Durometer) หากซิลิโคนแข็งเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการทะลุได้มากกว่า หรือซิลิโคนที่นิ่มเกินไปเมื่อนำใช้จะคงรูปทรงได้ไม่ดี ทำให้ไม่ได้ทรงที่ต้องการ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. เจ็บไหม?

เจ็บเพียงเล็กน้อยเฉพาะเวลาฉีดยาชา โดยคุณหมอจะทำการบล็อกการทำงานของเส้นประสาทบริเวณแก้มก่อนฉีดยาชาปลายจมูก (ปลายจมูกเป็นจุดที่sensitive ต่อความเจ็บมากที่สุดของจมูก) และใช้ยาชาปริมาณน้อย จึงทำให้คนไข้แทบไม่เจ็บเลย

2. หลังศัลยกรรมดูแลยากไหม

ดูแลง่าย คนไข้สามารถดูแลแผลได้เอง โดยทางคลีนิกจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ ดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด พร้อมทั้งเอกสารการประกอบดูแลหลังผ่าตัด และจะมีนัดตัดไหมพร้อมตรวจเช็คอาการหลังศัลยกรรมประมาณ 14 วัน หากมีเรื่องสงสัยเร่งด่วน คนไข้สามารถติดต่อสอบถามแพทย์และ ผู้ดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลินิกพร้อมบริการตอบทุกข้อสงสัยเพื่อคลาย ความกังวลใจให้คนไข้ได้ทันทีค่ะ

3. กินอะไรได้บ้าง

ทานได้เกือบปกติค่ะ สิ่งที่งดคือ อาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด อาหารรสเผ็ด แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือนค่ะ

4. บวมช้ำมากไหม บวมกี่วัน

: การบวมขึ้นกับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปช่วง 1-3 วันแรกจะบวมที่สุด แนะนำประคบเย็นตลอดเวลา ซึ่งอาการบวมช้ำลดลง แต่การทำจมูกของคุณหมอพิชญ์จะใช้ความประณีต พิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดขั้นตอน เพื่อให้เกิดความช้ำน้อยที่สุดค่ะ

5. ประกันอะไรบ้าง

ทางคลีนิกรับประกัน เบี้ยว เอียง ทะลุ อักเสบ หลังทำศัลยกรรม 6 เดือน-1 ปีค่ะ

6. เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

หากคนไข้ไม่มีโรคประจำตัว แนะนำงดวิตามินทุกประเภทก่อนทำการผ่าตัดประมาณ 7-14 วัน

7. สามารถประเมินทรงทางไหนได้บ้าง

ในเบื้องต้นทางคลินิกจะมี แอดมินที่ผ่านการอบรมและให้คำปรึกษา โดยการประเมินทรงจมูกเดิม ของลูกค้า พิจารณาร่วมกับทรงจมูกที่ลูกค้าต้องการเพื่อให้เหมาะกับ คุณลูกค้า หรือสามารถเข้ารับการปรึกษากับคุณหมอโดยตรง ก็สามารถทำได้ โดยทำการนัดหมายผ่านแอดมินค่ะ

เทคนิคอื่นๆเพิ่มเติม ในการตกแต่งจมูก
เพื่อให้ดูเรียวสวย โด่งเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

การเอาไขมันปลายจมูกออก การแต่งปลาย

ไขมันปลายจมูก Supratip fat , Interdomal fat ที่มีมากเกินไปจะทำให้ปลายจมูกค่อนข้างอ้วน จมูกกลม จมูกชมพู่ ซึ่งพบมากในคนไทยและเอเชีย สามารถแก้ไขได้โดยการนำไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อทำให้ได้ปลายจมูกเล็ก เรียว และสวยงาม

การเย็บ Interdome

สำหรับบางท่านอาจมีปัญหากระดูกอ่อนปลายจมูกใหญ่ กาง หรืออยู่ห่างกัน ทำให้ปลายจมูกโตและใหญ่ การเย็บอินเตอร์โดม เป็นการเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูก (Interdomal Sutering Technique) ใช้สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้จมูกเล็กลงและสวยงามมากขึ้น

การตะไบฮัมพ์ Hump rasping

รอยเชื่อมของกระดูกสันจมูกและกระดูกอ่อนปลายจมูก (Osteocatilagenous junction/ Nasal hump) หากมีมากเกินไปจะใช้วิธีการตะไบในการเหลารอยเชื่อมดังกล่าวให้เรียบเนียนขึ้นเพื่อให้ได้
สันจมูกที่เป็นสโลปสวย หรือกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) สามารถตะไบด้านข้างจมูกให้ดูเรียวเล็กลงได้

การตอกฐานจมูก (Lateral osteotomy)

เหมาะกับกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) , ฐานจมูกเอียงหรือคด (์Nasal deviation) สามารถตอกฐานจมูกเพื่อให้มีสันจมูกที่เล็ก เรียว เด่นชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการเบี้ยวของฐานจมูก ให้กลับมาตรงขึ้น

The East Clinic มีการรองปลายกี่แบบ ?
มีทั้งหมด 3 แบบ

เนื้อเยื่อเทียม คืออะไร ใช้ส่วนไหน ทำมาจากอะไร เนื้อเยื่อเทียม มีประโยชน์อย่างไร

  • ทำให้ปลายจมูกโด่งสวยขึ้น (Increase tip projection)
  • ป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนในเคสผิวบาง (Thin skin)
  • เคสแก้จมูกที่ผิวปลายจมูกบาง
  • แก้ไขปลายจมูกสั้นหรือเหิน (Short nose)
  • เสริมบริเวณสันจมูกสำหรับเคสเนื้อน้อย
  • เนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้ทดแทนการรองปลายจมูกโดยไม่จำเป็น ต้องผ่าตัด 2 ที่
  • ลดความเสี่ยงปลายทะลุ

เนื้อเยื่อตนเอง ได้แก่

  • กระดูกอ่อนหลังหู (ear cartilage)
    กระดูกอ่อนที่ใช้ในการเสริมจมูกสามารถนำมาจากหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นผนังกั้นจมูก (Septal cartilage) ซี่โครง (costal cartilage) หรือกระดูกอ่อนหู (ear cartilage) ซึ่งปกติจะผ่าตัดกันโดยรอยแผลอยู่ทางด้านหลังหู (Postauricular approach) เพื่ออำพลางรอยแผลจากการผ่าตัด นิยมนำมาใช้เพิ่มปลายจมูก หรือนำมาใช้ยืดผนังกั้นจมูกและฐานจมูกได้เป็นอย่างดี

  • เนื้อเยื่อไขมันก้นกบ (Dermofat graft)
     เป็น Dermofat graft ส่วนที่นิยมใช้กันมากที่สุดเนื่องจากทำได้ง่าย (easy to harvest) และมีปริมาณไขมันมาก ประกอบไปด้วยชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) สามารถนำมาใช้ทำสันจมูก เพิ่มปลายจมูก หรือรองปลายจมูกในเคสที่ผิวบางได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ดีอีกด้วย

  • เนื้อเยื่อหลังหู (mastoid fascia)
    เนื้อเยื่อหลังหูประกอบไปด้วยชั้นไขมัน และแผ่นพังผืดสามารถนำมาใช้เพื่อรองปลายเพื่อลดการเห็นขอบของซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถใช้เพิ่มความยาวปลายจมูกได้อีกด้วย

ผนังกั้นจมูก การยืดผนังกั้นจมูก (Septal cartilage and septal extension)

ผนังกั้นจมูกหรือ septum cartilage เป็นกระดูกอ่อนแกนกลางของจมูกช่วยค้ำยันจมูกให้คงรูปร่าง เป็นกระดูกอ่อน ชนิดที่ค่อนข้างแข็ง (Hyaline cartilage) ปัจจุบันนิยมนำมาใช้เป็นโครงสร้าง สำหรับยืดปลายจมูกในการทำศัลยกรรมจมูกแบบเปิด โดยจะมีการต่อความยาว ของผนังกั้นจมูกออกไปเพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูกได้อีกด้วยซึ่งเรียกว่าการยืดผนังกั้นจมูก

ตัดปีกจมูก (alar excision) มีกี่แบบ ทำได้แบบไหน เคสแบบไหนถึงเหมาะกับการตัดปีก

การตัดปีกจมูกนั้นมีหลายแบบเช่น การตัดแผลนอก (weir alar excision) เพื่อลดความบานของปีกจมูก การตัดแผลในเพื่อลดความกว้างของฐานรูจมูก (alar base reduction) การตัดยกปีกจมูก (Sail excision) และการตัดลดความหนาของปีกจมูก (Alar rim excision) การจะเลือกการตัดแบบไหนนั้นควรคำนึงถึงลักษณะของจมูกของผู้ป่วย แต่ละรายเป็นสำคัญรวมถึงการให้ข้อมูลเรื่องโอกาสการเกิดแผลเป็นหลังการ ผ่าตัดสำหรับแต่ละวิธีอีกด้วย

คำแนะนำการดูแลหลังศัลยกรรมจมูก

รีวิวลูกสาวหมอพิชญ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save