เสริมจมูก
รวมเทคนิคเสริมจมูกที่ The East Clinic
By หมอพิชญ์ (นพ.พิชญ์ โพธา)
- Close
- Semi Open
- Endonasal Reconstruction
- Open Reconstruction

การมาเสริมจมูกที่ The East Clinic สิ่งสำคัญสูงสุดคือ ผลลัพธ์ที่อยู่ภายใต้ความปลอดภัยทางการแพทย์เป็นหลัก โดยคุณหมอพิชญ์ ได้ผ่านประสบการณ์การทำศัลยกรรมความงามมากกว่า 20,000 เคส อยู่ในวงการศัลยกรรมความงามมากกว่า 10 ปี พร้อมทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่ผ่านการอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้คนไข้มั่นใจได ว่าการมาทำศัลยกรรมที่ The East Clinic นั้นจะได้ทั้งความสวยและความปลอดภัยกลับไปอย่างแน่นอน
The East Clinic By หมอพิชญ์ (นพ.พิชญ์ โพธา) ที่มีคนถามถึงด้วยเทคนิคพิเศษของหมอพิชญ์ และความใส่ใจในลายละเอียดปราณีตในทุกขั้นตอน ทำให้ได้รับการยอมรับจากคนไข้จนเกิดกระแสบอกต่อปากต่อปากเป็นจำนวนมาก
เทคนิค SSL (Structural smart lock)
เทคนิค Structural smart lock (SSL) เป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอพิชญ์ คือ การเหลาปรับซิลิโคนตามลักษณะโครงสร้างของฐานจมูกแต่ละบุคคล ทั้งบริเวณกระดูก nasal bone และกระดูกอ่อน Upper lateral cartilage (ULC) และ Alar cartilage หรือ Lower lateral cartilage (LLC) เพื่อให้ซิลิโคนล็อคไว้กับฐานจมูกเดิมด่านล่าง (Infrastructure) อย่างแนบสนิท ซิลิโคนแต่ละชิ้นจะเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงเป็นซิลิโคนที่มีอันเดียวเฉพาะของบุคคลนั้นๆ โดยจะต้องครอบรับกับฐานจมูกเดิมได้ 100% เพื่อป้องกันการเบี้ยวเอียง การเคลื่อนที่ของซิลิโคน ได้สโลปเนียนสวยตามความต้องการองคนไข้
สำหรับเทคนิคที่คลินิกเลือกใช้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Close และ เทคนิค Semi Open Rhinoplasty
- เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง ได้แก่ เทคนิค Endonasal Reconstruction และ Open Reconstruction Rhinoplasty
เทคนิคการเสริมจมูกแบบไม่ปรับโครงสร้าง
(การเสริมจมูกแบบรองปลาย)

1. เทคนิคแบบปิด Close Rhinoplasty คือ
การเสริมจมูกโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของจมูก โดยจะมีการเปิดแผลภายในรูจมูก 1 ข้าง การเปิดแผลของดิอีสท์คลินิกนี้จะ เปิดแผลแบบ Marginal incision คือลงแผลเลยริมรูจมูกเข้าไป 1-2 mm. เพื่อป้องกันการกรีดโดนกระดูกอ่อนปลายจมูก Lower lateral cartilage ซึ่งจะทำให้จมูกผิดรูปได้และยังสามารถเย็บแผลปิดโดยไม่มีไหมเย็บ เลยออกมา นอกจมูกเพื่อป้องกันแผลเป็นจากการเย็บและการเกิด เนื้อจมูกแหว่งจาก การขาดเลือด โดยเฉพาะบริเวณที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง น้อยของปลายจมูก คือผิวบริเวณเหนือจุดสูงสุดของรูจมูก (soft triangle) จนมีตำราแพทย์หลายเล่มจะเรียกบริเวณดังกว่าว่า No man land คือบริเวณนี้ห้ามไปเย็บเพราะจะผิดรูปได้
2. เทคนิคแบบกึ่งเปิด Semi-Open Rhinoplasty คือ
การเสริมจมูกที่มีการปรับโครงสร้างภายในบางส่วน โดยจะทำการเปิด แผลรูจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้เห็นโครงสร้างของจมูกได้มากกว่า เสริมจมูกแบบปิด จุดเด่นของเสริมจมูกเทคนิคนี้สามารถเลาะไขมัน บริเวณปลายจมูกและ เย็บอินเตอร์โดม ทำให้ปลายจมูกเล็กเรียว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกใหญ่ จมูกชมพู่ ต้องการปลายจมูกเรียวสวย และพุ่งขึ้น
โดยทั้ง 2 เทคนิคนี้อาจมีการนำไขมันปลายจมูกออก (Interdomal fat) การเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูกเข้าหากัน (Interdomal suture) การตอกกระดูกฐานจมูก (Lateral osteotomy) การเสริมเนื้อเยื่อเทียม (Acellular dermal matrix ADM) เนื้อเยื่อไขมัน (Dermofat) หรือกระดูกอ่อนรองปลาย (Catilagenous graft) เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ

Close VS Semi-Open แตกต่างยังไง?
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีพื้นฐานจมูกดี แต่ต้องการเพิ่มความโด่ง ใช้ยาชาในการผ่าตัด


เทคนิคการเสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง
(การเสริมจมูกแบบปลายไร้ซิลิโคน)

เทคนิค Endonasal Reconstruction คือ
เทคนิค Endonasal การเสริมจมูกโดยเทคนิค safe nose extension เสริมจมูกปลายไร้ซิลิโคนอย่างปลอดภัย
ทรงสวย ปลายพุ่งได้มากกว่าเทคนิค Close และ Semi-Open
ยืดผนังกั้นจมูกด้วยกระดูกอ่อนของตนเอง ทำให้ปลายจมูกดูเรียวเล็ก
บริเวณปลายจมูกไร้วัสดุสังเคราะห์ (ปลายไร้ซิลิโคน)
ไม่ทำลายเส้นเลือดหลักที่เลี้ยงบริเวณปลายจมูก
ดูแลง่าย ยุบบวมไว
ไม่มีแผลบริเวณรูจมูก2ข้าง (Columella)
เป็นการเสริมจมูกแบบ ‘ปลายไร้ซิลิโคน’ โดยใช้ซิลิโคนเพียง 2 ใน 3 ของความยาวจมูก ในการเพิ่มความสูงของสันจมูกให้โด่งขึ้น ส่วนในบริเวณปลายจมูกจะมีการยืดผนังกั้นจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูพร้อมเนื้อเยื่อหลังหูมาเพิ่มความยาวปลายจมูก วิธีนี้จะทำให้ปลายจมูกเรียว เล็ก และพุ่งมากขึ้น หมดปัญหาเรื่องซิลิโคนกดทับ หรือซิลิโคนทะลุ ใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยเทคนิคนี้จะบวมช้ำน้อยและแผลหายไว
เทคนิคแบบเปิด Open Reconstruction
การเสริมจมูกแบบเปิด Open Recon (Open Reconstruction Rhinoplasty) คือ การเปิดโครงสร้างของจมูกใต้ผิวหนังทั้งหมดขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ซ่อมแซม (Reconstruction) ส่วนที่ได้รับ ความเสียหาย ยืดปลายจมูก (Tip projection) ยืดผนังกั้นจมูก ( Septal extension) แก้ไขจมูกที่เบี้ยวเอียง (Deviation) เป็นต้น โดยจะมีการเปิดแผล ภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้างและเปิดแผลบริเวณระหว่างรูจมูก2ข้าง (Columella) เพื่อเปิดโครงสร้างภายในขึ้นมา สำหรับการยืดผนังกั้นจมูกจะใช้วัสดุต่าง ๆ ได้แก่ กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของตัวเอง เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนเทียม เป็นต้น
เทคนิค Open Recon เหมาะกับใคร ?
การเสริมจมูกแบบเปิด แนะนำสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกสั้น (Short nose) จมูกชมพู่ (Bulbous tip) จมูกเบี้ยวเอียง (Deviation) แก้มาหลายครั้ง (Multiple revision) หรือชอบจมูกที่ค่อนข้างพุ่ง (Patient favor) เป็นต้น ซึ่งการจะเลือกเสริมวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ว่า ต้องการทรงจมูกแบบใด ฐานจมูกเดิมและเนื้อจมูกเป็นอย่างไร รวมทั้งพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย ของแต่ละวิธี รวมถึงโรคประจำตัวของผู้ป่วย และระยะเวลาพักฟื้นของผู้ป่วยเป็นสำคัญ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่

เปรียบเทียบ 4 เทคนิค
แบบไหนเหมาะกับคุณ?
ประเภท | Close | Semi-Open | Endonasal Recon | Open Recon |
---|---|---|---|---|
เหมาะสำหรับ | ผู้ที่มีปัญหาจมูกไม่มาก จมูกเดิมค่อนข้างสวย | จมูกชมพู่ ต้องการปลายจมูก เรียวสวย และปลายจมูกพุ่งขึ้น | ปลายจมูกสั้น ปลายงุ้ม ผนังกั้น จมูกคด คนไข้ที่มีความกังวล ในการในการพักฟื้น และการดูแล แผลของแบบเปิด | ปลายจมูกสั้น จมูกชมพู่มาก จมูกเบี้ยวเอียงมาก แก้มาหลาย ครั้ง หรือชอบจมูกที่ค่อนข้างพุ่ง |
การกรีดแผล | 1 ข้าง | 2 ข้าง | 1 ข้าง | 2 ข้างและกรีดตรงกลาง ระหว่างจมูกทั้ง2ข้าง |
ระยะเวลาพักฟื้น | 1 – 2 วัน | 1 – 2 วัน | 1 – 2 วัน | 3-5 วัน |
ข้อดี | แผลดูแลง่าย | ได้จมูกพุ่งกว่าแบบปิด | แผลดูแลง่ายกว่าโอเพ่น และจมูกพุ่งกว่าเซมิโอเพ่น | ได้จมูกที่พุ่ง |
ข้อควรระวัง | ยังมีซิลิโคนที่ปลายจมูกอยู่ | ยังมีซิลิโคนที่ปลายจมูกอยู่ | ต้องดูแลแผลมากขึ้น | ต้องดูแลแผลเป็นพิเศษและ มีแผลผ่าตัดภายนอกรูจมูก |
ซิลิโคน ที่ The EAST Clinic เลือกใช้

- ซิลิโคนทำมาจากพอลิเมอร์ Dimethysiloxane polymer ซึ่งซิลิโคนจะมีหลายเกรดขึ้นอยู่กับส่วนผสมในกระบวนการผลิต โดยสารที่ใช้ในการคงรูปซิลิโคน หรือส่วนผสมที่ต่างกัน จะทำให้คุณภาพของซิลิโคนต่างกัน โดยดิอีสท์คลินิก จะใช้ซิลิโคนเกรดสำหรับปลูกฝังในร่างกาย (Implant grade) มีความบริสุทธิ์สูงกว่าซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ (Medical grade) สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต
- ซิลิโคนที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดโอกาสอักเสบ การแพ้ หรือโอกาสการเกิดมะเร็งในอนาคต (Noncarcinogen) ได้เป็นอย่างดี อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อของซิลิโคน (Adhesion) วัสดุที่ดีต้องยึดเกาะกับโครงสร้างของร่างกายได้ดีและมีความยืดหยุ่น (Elasticity) ซึ่งเป็นซิลิโคนที่ดิอีสท์คลินิกเลือกใช้
- นอกจากนี้ เรายังสามารถกำหนดค่าความนิ่มของซิลิโคนได้อีกด้วย ซึ่งค่าความนิ่มที่เหมาะสมในการเสริมจมูกอยู่ที่ 30-50 ดูโร (Durometer) หากซิลิโคนแข็งเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการทะลุได้มากกว่า หรือซิลิโคนที่นิ่มเกินไปเมื่อนำใช้จะคงรูปทรงได้ไม่ดี ทำให้ไม่ได้ทรงที่ต้องการ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. เจ็บไหม?
: เจ็บเพียงเล็กน้อยเฉพาะเวลาฉีดยาชา โดยคุณหมอจะทำการบล็อกการทำงานของเส้นประสาทบริเวณแก้มก่อนฉีดยาชาปลายจมูก (ปลายจมูกเป็นจุดที่sensitive ต่อความเจ็บมากที่สุดของจมูก) และใช้ยาชาปริมาณน้อย จึงทำให้คนไข้แทบไม่เจ็บเลย
2. หลังศัลยกรรมดูแลยากไหม
: ดูแลง่าย คนไข้สามารถดูแลแผลได้เอง โดยทางคลีนิกจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ ดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด พร้อมทั้งเอกสารการประกอบดูแลหลังผ่าตัด และจะมีนัดตัดไหมพร้อมตรวจเช็คอาการหลังศัลยกรรมประมาณ 14 วัน หากมีเรื่องสงสัยเร่งด่วน คนไข้สามารถติดต่อสอบถามแพทย์และ ผู้ดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลินิกพร้อมบริการตอบทุกข้อสงสัยเพื่อคลาย ความกังวลใจให้คนไข้ได้ทันทีค่ะ
3. กินอะไรได้บ้าง
: ทานได้เกือบปกติค่ะ สิ่งที่งดคือ อาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด อาหารรสเผ็ด แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือนค่ะ
4. บวมช้ำมากไหม บวมกี่วัน
: การบวมขึ้นกับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปช่วง 1-3 วันแรกจะบวมที่สุด แนะนำประคบเย็นตลอดเวลา ซึ่งอาการบวมช้ำลดลง แต่การทำจมูกของคุณหมอพิชญ์จะใช้ความประณีต พิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดขั้นตอน เพื่อให้เกิดความช้ำน้อยที่สุดค่ะ
5. ประกันอะไรบ้าง
: ทางคลีนิกรับประกัน เบี้ยว เอียง ทะลุ อักเสบ หลังทำศัลยกรรม 6 เดือน-1 ปีค่ะ
6. เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
: หากคนไข้ไม่มีโรคประจำตัว แนะนำงดวิตามินทุกประเภทก่อนทำการผ่าตัดประมาณ 7-14 วัน
7. สามารถประเมินทรงทางไหนได้บ้าง
: ในเบื้องต้นทางคลินิกจะมี แอดมินที่ผ่านการอบรมและให้คำปรึกษา โดยการประเมินทรงจมูกเดิม ของลูกค้า พิจารณาร่วมกับทรงจมูกที่ลูกค้าต้องการเพื่อให้เหมาะกับ คุณลูกค้า หรือสามารถเข้ารับการปรึกษากับคุณหมอโดยตรง ก็สามารถทำได้ โดยทำการนัดหมายผ่านแอดมินค่ะ
เทคนิคอื่นๆเพิ่มเติม ในการตกแต่งจมูก
เพื่อให้ดูเรียวสวย โด่งเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

- การเอาไขมันปลายจมูกออก การแต่งปลาย
ไขมันปลายจมูก Supratip fat , Interdomal fat ที่มีมากเกินไปจะทำให้ปลายจมูกค่อนข้างอ้วน จมูกกลม จมูกชมพู่ ซึ่งพบมากในคนไทยและเอเชีย สามารถแก้ไขได้โดยการนำไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อทำให้ได้ปลายจมูกเล็ก เรียว และสวยงาม

- การเย็บ Interdome
สำหรับบางท่านอาจมีปัญหากระดูกอ่อนปลายจมูกใหญ่ กาง หรืออยู่ห่างกัน ทำให้ปลายจมูกโตและใหญ่ การเย็บอินเตอร์โดม เป็นการเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูก (Interdomal Sutering Technique) ใช้สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้จมูกเล็กลงและสวยงามมากขึ้น

- การตะไบฮัมพ์ Hump rasping
รอยเชื่อมของกระดูกสันจมูกและกระดูกอ่อนปลายจมูก (Osteocatilagenous junction/ Nasal hump) หากมีมากเกินไปจะใช้วิธีการตะไบในการเหลารอยเชื่อมดังกล่าวให้เรียบเนียนขึ้นเพื่อให้ได้
สันจมูกที่เป็นสโลปสวย หรือกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) สามารถตะไบด้านข้างจมูกให้ดูเรียวเล็กลงได้

- การตอกฐานจมูก (Lateral osteotomy)
เหมาะกับกรณีที่มีกระดูกฐานจมูกกว้าง (wide nasal bridge) , ฐานจมูกเอียงหรือคด (์Nasal deviation) สามารถตอกฐานจมูกเพื่อให้มีสันจมูกที่เล็ก เรียว เด่นชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการเบี้ยวของฐานจมูก ให้กลับมาตรงขึ้น
The East Clinic มีการรองปลายกี่แบบ ?
มีทั้งหมด 3 แบบ
เนื้อเยื่อเทียม คืออะไร ใช้ส่วนไหน ทำมาจากอะไร
เนื้อเยื่อเทียม มีประโยชน์อย่างไร
- ทำให้ปลายจมูกโด่งสวยขึ้น (Increase tip projection)
- ป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนในเคสผิวบาง (Thin skin)
- เคสแก้จมูกที่ผิวปลายจมูกบาง
- แก้ไขปลายจมูกสั้นหรือเหิน (Short nose)
- เสริมบริเวณสันจมูกสำหรับเคสเนื้อน้อย
- เนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้ทดแทนการรองปลายจมูกโดยไม่จำเป็น ต้องผ่าตัด 2 ที่
- ลดความเสี่ยงปลายทะลุ
เนื้อเยื่อตนเอง ได้แก่
- กระดูกอ่อนหลังหู (ear cartilage)
- กระดูกอ่อนที่ใช้ในการเสริมจมูกสามารถนำมาจากหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นผนังกั้นจมูก (Septal cartilage) ซี่โครง (costal cartilage) หรือกระดูกอ่อนหู (ear cartilage) ซึ่งปกติจะผ่าตัดกันโดยรอยแผลอยู่ทางด้านหลังหู (Postauricular approach) เพื่ออำพลางรอยแผลจากการผ่าตัด นิยมนำมาใช้เพิ่มปลายจมูก หรือนำมาใช้ยืดผนังกั้นจมูกและฐานจมูกได้เป็นอย่างดี
- เนื้อเยื่อไขมันก้นกบ (Dermofat graft)
- เป็น Dermofat graft ส่วนที่นิยมใช้กันมากที่สุดเนื่องจากทำได้ง่าย (easy to harvest) และมีปริมาณไขมันมาก ประกอบไปด้วยชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) สามารถนำมาใช้ทำสันจมูก เพิ่มปลายจมูก หรือรองปลายจมูกในเคสที่ผิวบางได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ดีอีกด้วย
- เนื้อเยื่อหลังหู (mastoid fascia)
- เนื้อเยื่อหลังหูประกอบไปด้วยชั้นไขมัน และแผ่นพังผืดสามารถนำมาใช้เพื่อรองปลายเพื่อลดการเห็นขอบของซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถใช้เพิ่มความยาวปลายจมูกได้อีกด้วย
ผนังกั้นจมูก การยืดผนังกั้นจมูก (Septal cartilage and septal extension)
ผนังกั้นจมูกหรือ septum cartilage เป็นกระดูกอ่อนแกนกลางของจมูกช่วยค้ำยันจมูกให้คงรูปร่าง เป็นกระดูกอ่อน
ชนิดที่ค่อนข้างแข็ง (Hyaline cartilage) ปัจจุบันนิยมนำมาใช้เป็นโครงสร้าง
สำหรับยืดปลายจมูกในการทำศัลยกรรมจมูกแบบเปิด โดยจะมีการต่อความยาว
ของผนังกั้นจมูกออกไปเพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูกได้อีกด้วยซึ่งเรียกว่าการยืดผนังกั้นจมูก
ตัดปีกจมูก (alar excision) มีกี่แบบ ทำได้แบบไหน เคสแบบไหนถึงเหมาะกับการตัดปีก
การตัดปีกจมูกนั้นมีหลายแบบเช่น การตัดแผลนอก (weir alar excision) เพื่อลดความบานของปีกจมูก การตัดแผลในเพื่อลดความกว้างของฐานรูจมูก (alar base reduction) การตัดยกปีกจมูก (Sail excision) และการตัดลดความหนาของปีกจมูก (Alar rim excision) การจะเลือกการตัดแบบไหนนั้นควรคำนึงถึงลักษณะของจมูกของผู้ป่วย
แต่ละรายเป็นสำคัญรวมถึงการให้ข้อมูลเรื่องโอกาสการเกิดแผลเป็นหลังการ
ผ่าตัดสำหรับแต่ละวิธีอีกด้วย
คำแนะนำการดูแลหลังศัลยกรรมจมูก
ตัดไหมเมื่อครบ 10-14 วัน
ประคบเย็นบ่อยๆเป็นเวลา 3 วัน แล้วทำการถอดเฝือก
จึงประคบอุ่นจนกว่าจะหายบวม ( โดยทำการประคบ
ข้างๆจมูก , หน้าผาก , แก้มทั้ง2ข้าง และริมฝีปากบน )
ห้ามล้างหน้าหรือทำให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหมไปแล้ว 2 วัน ( 14 วัน ) ให้ใช้น้ำเกลือหรืออื่นๆเช็ดหน้า
ห้ามใส่แว่นเป็นเวลา 3 เดือน
งดอาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสเผ็ดจัด อาหารรสเค็มจัด และแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 1 เดือน
ห้ามบิดจมูกเป็นเวลา 1 ปี
งดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือน
เช็ดแผลโดยใช้เบตาดีนเท่านั้น โดยห้ามให้มีคราบเลือด
เกาะที่แผลหลังจากนั้น ทา Terramycin ที่แผลบางๆ ทุกวันจนกว่าจะมาตัดไหม
นอนยกหัวสูงเพื่อลดอาการบวม
นัดตรวจหลัง 1 เดือน , 3 เดือน และ 5 เดือน
ใช้หมอนรองคอในการนอนเป็นเวลา 1 เดือน
ถ้ามีปัญหาหรือผิดปกติให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
รีวิวลูกสาวหมอพิชญ์ Before / After



